วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

กระทรวงคลังฯ เตรียมแผนกู้เงิน 2.7 แสนล้านอัดฉีดเศรษฐกิจ

จัดทำโดย นาย อรรถสิทธิ์ หงษ์คณานุเคราะห์ 5001100213


กระทรวงคลังฯ เตรียมแผนกู้เงิน 2.7 แสนล้านอัดฉีดเศรษฐกิจ แบ่งเป็นกู้องค์กรระหว่างประเทศ 7 หมื่นล้าน ใช้เพิ่มทุนสถาบันการเงินขยายสินเชื่อตามนโยบายภาครัฐ พร้อมลงทุนเมกะโปรเจกต์-โครงสร้างพื้นฐาน ส่วนอีก 2 แสนล้านกู้ระยะสั้นจากแบงก์ในประเทศ เสริมความคล่องตัวการบริหารและจัดการเงินกู้ให้แก่รัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ครม.วันที่ 3 ก.พ. นี้ เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากสถาบันการเงินและองค์กรระหว่างประเทศ 3 แหล่ง คือธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า วงเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท เพื่อนำมาฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยมีต้นทุนอยู่ที่ 2.38%-3.70% ต่อปี

นอกจากนี้จะเสนอให้ ครม.เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปีในรูปแบบของชอร์ตเทิร์ม ฟาซิลิตี้ (Short term facility) เพื่อเสริมความคล่องตัวในการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศให้แก่รัฐวิสาหกิจและให้สามารถค้ำประกันเงินกู้ได้ตามกรอบความยั่งยืนทางการคลัง ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะนำเงินกู้จากสถาบันการเงินและองค์กรต่างประเทศจำนวน 70,000 ล้านบาท มาใช้ใน 4 โครงการคือ เพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินของรัฐเพื่อนำไปขยายสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล, ลงทุนในโครงการภาครัฐทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและสร้างการจ้างงานในระยะสั้นไม่เกิน 15 เดือน (มี.ค.52-พ.ค.53) ,ลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและผลิตภาพ มีเวลาดำเนินการไม่เกิน 36 เดือน (มี.ค. 52-ก.พ.55) และสนับสนุนโครงการ แผนงานและกิจกรรมตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนการจัดหาเงินกู้ในลักษณะชอร์ตเทิร์ม ฟาซิลิตี้ อีก 2 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐสามารถกู้เงินในประเทศระยะสั้นได้โดยตรง ซึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการและยังเป็นเครื่องมือในการจัดสรรการกู้เงินของภาครัฐไม่ให้เกิดภาวะกระจุกตัวในช่วงใดช่วงหนึ่งด้วย ถือเป็นวงเงินสำรองกู้เงินและให้รัฐวิสาหกิจมีทางเลือกในการกู้เงิน โดยกระทรวงการคลังจะค้ำประกันวงเงินแบบเต็มจำนวนหรือแบบบางส่วน เพื่อลดสัดส่วนของการค้ำประกัน เพื่อให้ภาระการค้ำประกันอยู่ในกรอบเพดานในแต่ละปี ที่กำหนดไว้เป็นสกุลเงินบาทไม่เกิน 20% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี

รายงานข่าวเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างประเทศ หรือ ทรานซิต พาสเซนเจอร์ (Transit Passenger) เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาแวะที่สนามบินสุวรรณภูมิสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่จัดไว้ให้ระหว่างรอการเปลี่ยนเครื่องได้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้และสนับสนุนให้ไทยบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางหรือฮับการบินของเอเชีย




คำถาม
1.กระทรวงการคลังเตรียมแผนกู้เงินเพื่ออัดฉีดระบบเศรฐกิจเป็นจำนวนเงินเท่าใด
2.สถาบันและองค์กรระหว่างประเทศ 3 แหล่งที่กระทรวงการคลังเตรียมแผนกู้เงินเพื่อมาอัดฉีดเศรษกิจ โดยมีวงเงินในการกู้ 70000ล้านนั้น คือที่ใดบ้าง
3.ส่วนวงเงินอีกกว่า 200000 ล้านบาทนั้นกระทรวงการคลังจะเตรียมแผนกู้เงินจากที่ใด

4 ความคิดเห็น:

251utccbx007g10 กล่าวว่า...

1.เงิน 2.7 แสนล้านอัดฉีดเศรษฐกิจ

2.ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า

3.ธนาคารพาณิชย์ในประเทศและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ


นางสาวลดาวัลย์ พองาม
เลขทะเบียน 48210277

251utccbx007g10 กล่าวว่า...

ตอบโดย น.ส.อรวลี ผ่องแผ้ว
เลขทะเบียน 48210346

1.เงิน 2.7 แสนล้านอัดฉีดเศรษฐกิจ

2.นาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า

3.จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

251utccbx007g2 กล่าวว่า...

คำตอบคือ

1.กระทรวงคลังฯ เตรียมแผนกู้เงิน 2.7 แสนล้านอัดฉีดเศรษฐกิจ

2.คือธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า

3.ธนาคารพาณิชย์ในประเทศและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

ตอบคำถามโดย นางสาว ชนม์นิภา ขุนจันทร์
เลขทะเบียน 48210318 คณะบัญชี

251utccbx007g18 กล่าวว่า...

คำตอบคือ

1.กระทรวงคลังฯ เตรียมแผนกู้เงิน 2.7 แสนล้านอัดฉีดเศรษฐกิจ

2.ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า

3.ธนาคารพาณิชย์ในประเทศและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

นางสาวกมลพรรณ ฤทธิเลิศ
เลขทะเบียน 48210193