วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การจัดการทางการเงิน หลังการแปรรูป ปตท.

กรณีศึกษา การจัดการทางการเงิน หลังการแปรรูป ปตท.
พิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้แปรรูปจากการเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติการปิโตรเลียม มาเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยการแปลงสภาพภายใต้พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ(พ.ร.บ.ทุน) และกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปี 2544 โดยยังคงมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และในปี 2545 ซึ่งเป็นปีแรกของการเปลี่ยนระบบจากการจ่ายเงินนำส่งเข้าสู่รัฐ เป็นการจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินปันผล ปตท.ได้จ่ายเงินให้รัฐเป็นจำนวน 17,240 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2544 ที่มีการนำเงินส่งรัฐ 11,269 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2548 นี้ ปตท.และบริษัทในเครือได้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินปันผล เป็นเงิน 25,911 ล้านบาททำไม หลังแปรรูป ปตท.มีผลประกอบการแบบก้าวกระโดดทั้งๆ ที่มีผู้บริหาร และพนักงานคณะเดิมหาก ปตท. ทำเพียงจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น โดยยังบริหารงานอย่างเดิมๆ ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักแต่กว่า ปตท.และบริษัทในเครือจะประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายประการ ต้องเป็นองค์กรที่ดี มีผู้บริหารที่ดีมีวิสัยทัศน์บุคลากรในบริษัทต้องมีคุณภาพ ต้องดำเนินงานอย่างมีความเที่ยงธรรมสิ่งสำคัญที่สุดต้องมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นรู้จักปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตความจริงแล้ว การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 2540 เป็นแรงกระตุ้นทำให้ ปตท.และบริษัทในเครือต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจให้มีความเข้มแข็งในระยะยาว พร้อมรับกับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยการแปรรูปเป็นคำตอบหนึ่งที่ ทำให้ ปตท.เข้มแข็งในระยะยาวดังตัวอย่างในปี 2536 ที่ ปตท. ได้นำบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด มหาชน (ปตท.สผ.) ซึ่งเป็นบริษัทแรกในเครือ ปตท. เข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะธุรกิจของ ปตท.สผ. ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ซึ่งในขณะนั้น บริษัทแม่ก็คือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถให้เงินสนับสนุนในจำนวนจำกัด จึงจำเป็นต้องหาวิธีการระดมทุนแบบอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินทุนจากบริษัทแม่ดังนั้น การเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯของ ปตท.สผ. จึงเป็นทางหนึ่งในการระดมทุนเพื่อให้มีเงินมากพอที่จะซื้อทรัพย์สินได้ใหญ่ขึ้นจนวันนี้ ปตท.สผ. มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ทำให้มีศักยภาพเพียงพอในการเข้าไปลงทุนในสัมปทาน แหล่งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ เช่น แหล่ง S1 แหล่งบงกช แหล่งไพลิน แหล่งยาดานา แหล่งเยตากุน เป็นต้นวันนั้นถ้า ปตท.ไม่ทำให้ ปตท.สผ. มีเงินทุนเพื่อไปลงทุนได้ ปตท.สผ. คงมีสัมปทาน เพียงแหล่ง S1 และแหล่งอื่นอีกเล็กน้อย จะไม่มีแหล่งบงกช แหล่งไพลิน แหล่งยาดานา แหล่งเยตากุน รวมถึง แหล่งเจดีเอเพราะฉะนั้นหาก ปตท.สผ. ไม่ได้แปรรูป และ ปตท.เป็นเจ้าของ 100% จะมีมูลค่าเพียง 5 หมื่นล้านบาทแต่วันนี้ ปตท. เป็นเจ้าของ 60% ของมูลค่าบริษัทที่ 3 แสนล้านบาท พร้อมกับ ศักยภาพ ในการหาแหล่งพลังงานได้มากขึ้นการแก้ปัญหาบริษัทในเครือหลังระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์หลังปี 2540 ทุกบริษัทประสบปัญหาขาดทุน และภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะค่าเงินบาทตกต่ำลง ทำให้ภาระหนี้เมื่อคิดเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงขาลง หลายบริษัทอยู่ในขั้นไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ปตท.เองก็อยู่ในภาวะตึงตัว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในอัตรา 5:1แต่ประโยชน์ที่ได้จากการแปรรูป และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คือ ทำให้ ปตท.ได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 26,000 ล้านบาท โดย ปตท.ได้นำมาลดหนี้สินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบางส่วน ซึ่งมีผลให้โครงสร้างทางการเงินของ ปตท. แข็งแรงขึ้น มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2 : 1 ในระยะแรกและมีเงินสดเพียงพอ สำหรับให้ความช่วยเหลือบริษัทในเครือที่ประสบปัญหาทางการเงินนอกจากนั้น ปตท. ยังมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น สามารถตัดสินใจเข้าลงทุน เข้าบริหารจัดการได้อย่างรวดเร็วรวมทั้งดำเนินการเจรจาปรับลดหนี้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือที่ประสบปัญหาจนกลับมาแข็งแรง เป็นบริษัทที่มีผลดำเนินงานที่ดีและสามารถขยายกิจการเพิ่มเติมซึ่งการดำเนินงานดังกล่าว ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หาก ปตท.ไม่ได้แปรรูป และระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เริ่มจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เดิมมีทุนจดทะเบียนอยู่ 20 ล้านบาท แต่มีหนี้อยู่เกือบแสนล้านบาท เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ส่งผลให้ไทยออยล์ประสบปัญหาทางการเงิน เมื่อรวมกับค่าการกลั่นในขณะนั้นซึ่งอยู่ที่ระดับต่ำมากคือประมาณ 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รายได้จากการดำเนินงานนำมาหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหลือจ่ายดอกเบี้ยได้น้อยมาก จึงมีความจำเป็นต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้วิธีปรับโครงสร้างหนี้ของไทยออยล์ ที่มีหนี้ทั้งหมดประมาณ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ปตท.ได้เจรจาขดลดหนี้ลงประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเงื่อนไขว่า ปตท.ต้องเพิ่มทุนในไทยออยล์ เป็นเงิน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 11,000 ล้านบาท) และส่วนของเจ้าหนี้ให้แปลงหนี้เป็นทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับลดหนี้ได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เหลือหนี้ ประมาณ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำมาจัดโครงสร้างในการชำระหนี้ใหม่ โดยกำหนดให้มีระยะเวลาในการชำระหนี้มากกว่า 10 ปี อัตราดอกเบี้ยจ่ายก็จะจ่ายในช่วงปีแรกน้อย และเพิ่มขึ้นในช่วงปีหลังการปรับโครงสร้างหนี้ของ ไทยออยล์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันทั้งหมด ทั้งผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้และพนักงานในบริษัท ทำควบคู่กันไปโดยในส่วนของบริษัทเองมีการให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจ ซึ่งมีคนสมัครเข้าโครงการ 200 กว่าคน พนักงานส่วนที่เหลือไม่ขึ้นเงินเดือน 3 ปี มีลาออกไปบางส่วน ขายธุรกิจบางอย่างส่วนฝ่ายบริหารเปลี่ยนรถประจำตำแหน่งจากเบนซ์มาเป็นวอลโว่ ผู้บริหารระดับรองลงมานั่งโตโยต้าส่วนระดับล่างไม่มีมีการขายธุรกิจเรือออกไปได้เงิน ประมาณ 10 กว่าล้านเหรียญ และขายหุ้นโรงไฟฟ้าออกไป 25%จนปี 2546 ไทยออยล์ เริ่มมีกำไร 6,750 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปีนี้ มีกำไร 7,222 ล้านบาทถ้า ปตท.ไม่มีกำลังเข้าไปปรับโครงสร้างในขณะนั้น ไทยออยล์วันนี้จะกลายเป็นของเจ้าหนี้ ซึ่งอาจจะมีการขายออกไปให้ต่างชาติ เพราะผู้ที่อยู่ในธุรกิจการเงินไม่ต้องการที่จะมาลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองไม่ถนัด วันนี้โรงกลั่นไทยออยล์ก็อาจจะกลายเป็นของต่างชาติสำหรับการดำเนินการกับโรงกลั่นน้ำมันระยอง(RRC) ซึ่ง ปตท.ถือหุ้นอยู่ 36% บริษัทขาดทุนสะสมมาตลอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะความต้องการใช้น้ำมันลดลง ค่าการกลั่นต่ำมาก ทำให้ประสบปัญหาการเงินจากภาระหนี้สูง โดยมีหนี้อยู่ 1,335 ล้านเหรียญสหรัฐปตท.ใช้วิธีในการเจรจากับเจ้าหนี้ ทำให้ลดหนี้ได้ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และใช้เงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 200 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นอีก 64% จาก บริษัท เซลล์ ทำให้ ปตท. มีหุ้นในโรงกลั่นระยอง 100%ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะหลังจากที่ ปตท.เป็นเจ้าของโรงกลั่นระยอง ในครึ่งปีแรกค่าการกลั่นดีขึ้น ทำให้มีกำไรถึง 11,000 ล้านบาทซึ่งในส่วนนี้ได้มีการรวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 7,700 ล้านบาท) ด้วยแล้ว และโดยที่ค่าการกลั่นดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น จึงสามารถนำกำไรส่วนนี้ไปทยอยคืนหนี้ของบริษัท ทำให้วันนี้ โรงกลั่นระยองมีภาระหนี้ลดลงจาก 1,135 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 600 กว่าล้านเหรียญสหรัฐทางด้านกรณีของ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอซี และ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอทีซี ใช้วิธีเดียวกันในการแก้ปัญหาโครงสร้างเงินทุนคือ ทำการลดทุน ลดหุ้นบริษัทเพื่อล้างขาดทุนสะสม เพื่อให้บริษัทมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากสามารถจ่ายเงินปันผลโดยกรณี ทีโอซี ได้เพิ่มทุนใหม่ในภายหลัง และเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ในการชำระหนี้ และลงทุนในการขยายงานของบริษัทซึ่งปัญหาของ ทีโอซี และ เอทีซี ในด้านปฏิบัติการจะคล้ายกันคือ กำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่ไม่อยู่ในระดับโลก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าผู้ผลิตปิโตรเคมีรายอื่น เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจึงไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายคืนเงินต้น แต่มีความสามารถเพียงการจ่ายค่าดอกเบี้ยเท่านั้น จึงต้องมีการขอยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไป และจะต้องมีการลดต้นทุนการผลิตโดยในส่วนของ ทีโอซี ต้องมีการขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมีขั้นต้น(เอทธิลีน) เพิ่มเติมอีก 3 แสนตันต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่แล้ว 5.75 แสนตันต่อปี โดยโรงงานส่วนขยายนี้จะต้องมีการลงทุนเพิ่มอีก 140 ล้านเหรียญสหรัฐแต่จะช่วยทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ปตท. จึงได้ตัดสินใจที่จะใส่เงินลงไปใน ทีโอซี อีก 70 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 2,800 ล้านบาท)ส่วนอีก 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ทีโอซี กู้จากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ปตท.ยังให้เงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของ ทีโอซี อีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 4,000 ล้านบาท)โดยในเดือนธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา โรงงานก็ได้ก่อสร้างเสร็จ แม้ว่าราคาปิโตรเคมีจะตกลงในช่วงปีนี้ แต่ด้วยต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ทำให้กำไรครึ่งปีนี้ของ ทีโอซี เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่หากไม่ขยายกำลังการผลิตเลยกำไรในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่แล้วสำหรับในส่วนของ เอทีซี ก็ลงทุนขยายโรงงาน(Debottleneck) ซึ่ง ปตท.คาดการณ์ว่า ราคาผลิตภัณฑ์น่าจะดีขึ้น และจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 1-2 ปี ปตท.ได้ให้เงินทุนหมุนเวียน จำนวน 90 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ 3,600 ล้านบาท) ซึ่งก็เป็นไปตามคาดนอกจากนั้น ปตท.ได้เข้ามาช่วยเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ฐานะการเงินของ เอทีซี เกิดความเข้มแข็ง กอปรกับผลดำเนินงานที่ดีขึ้น เอทีซี จึงสามารถเจรจาหาเงินกู้มาลงทุนในโรงอะโรเมติกส์ โรงที่ 2 เองได้สรุปภาพรวม ตั้งแต่ แปรรูป ปตท.มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและใช้ศักยภาพที่มีเพื่อการลงทุนทั้งในบริษัทในเครือ และในธุรกิจของ ปตท.เอง (สร้างโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 5 / เพิ่มประสิทธิภาพการส่งก๊าซของระบบท่อส่งก๊าซเดิม และเร่งก่อสร้างท่อส่งก๊าซ สายประธานเส้นที่ 3 ฯลฯ) รวมทั้งการปรับโครงสร้างการบริหารภายในของ ปตท.เอง จนทำให้ในปีที่ผ่านมา และในปีนี้เป็นปีที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างชัดเจนของ ปตท.ในรูปของผลการดำเนินงาน โดย "จะเห็นได้ว่ากำไรส่วนใหญ่ของ ปตท.มาจากส่วนแบ่งเงินกำไรจากบริษัทในเครือ ที่เป็นผลจากเม็ดเงินที่ ปตท.เพิ่มการลงทุนในบริษัทในเครือทั้งสายการกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ทำให้บริษัทในเครือที่ประสบปัญหาตั้งแต่ช่วงปี 2543 และ 2544 สามารถพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาได้ในปัจจุบัน และส่งผลกำไรจำนวนมากกลับมาให้กับ ปตท. ในวันนี้นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เป็นธุรกิจหลักของ ปตท.เอง ก็มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นเพราะมีการขายผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น(สินค้าในธุรกิจนี้ คือ ก๊าซธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ)เนื่องจาก ในช่วง 3-4 ปีหลังแปรรูป ปตท.ได้ลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 5 ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2547 ทำให้สามารถผลิตภัณฑ์จากโรงแยกก๊าซออกมาขายได้มากขึ้นถึงเกือบ 50% และนำก๊าซธรรมชาติจากหลุมขึ้นมาขายเพิ่มขึ้นอีก 20%ถ้า ปตท.ไม่แปรรูปวันนี้รัฐบาลก็เป็นเจ้าของ ปตท. 100% แต่ธุรกิจนั้นอาจจะกำไร 2-3 หมื่นล้านบาทแต่วันนี้ รัฐ / กองทุนของคนไทย ถือหุ้นกว่า 70% ปตท. และบริษัทในเครือมีกำไร 7-8 หมื่นล้านบาทจะเห็นว่าเมื่อแปรรูปแล้ว ปตท. ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ทำหลายอย่างให้บริษัทในเครือเจริญเติบโตขึ้นด้วยและที่สำคัญการปรับโครงสร้างหนี้ของไทยออยล์ และ RRC มีผลทำให้หนี้ของประเทศลดลงด้วยในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้ทำ หรือไม่มีกำลังที่จะทำ นอกจากไม่มีวันนี้วันที่รายได้ของทุกบริษัทดีขึ้น และกลับมาสู่ ปตท. แล้ว แต่ธุรกิจเหล่านั้นก็อาจจะไปอยู่ในมือธนาคารต่างประเทศ และจะขายต่อให้ใครก็ไม่มีใครรู้ปัจจุบัน ปตท.ดำเนินธุรกิจ ในกรอบของกฎระเบียบเดิมเหมือนกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ เหมือนกับโรงกลั่นแห่งอื่นๆ ของเอกชน และเหมือนกับโรงงานปิโตรเคมีของเอกชนอื่นๆ ทุกประการดังนั้น การแปรรูปจึงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ ปตท.กลายเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ แต่ต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย อาทิ ความยืดหยุ่นในการทำงาน ระบบบริหารงานที่เอื้อต่อการดำเนินงานพนักงานต้องพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถมองการลงทุนในระยะยาวได้ การลงทุนจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง รอบคอบ และมีการศึกษาอย่างดี บางครั้งจะต้องมีการคิดนอกกรอบแต่สิ่งสำคัญที่สุด คือจะต้องมีความแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงิน และท้ายสุดหากต้องการซื้อคืนก็สามารถทำได้และไม่ว่าก่อน หรือหลังการแปรรูป ความเข้มแข็งของ ปตท.ทั้งที่ผ่านมาและในอนาคตต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ โดยยืนอยู่บนการทำธุรกิจที่สมเหตุสมผล และเป็นธรรม
โดย : มติชนรายวัน วันที่ 22/11/2005

คำถาม..

-คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการจัดการทางการเงิน หลังการแปรรูป ปตท.



จัดทำโดย นางสาวลดาวดี พิมพ์สีทา 47210057

4 ความคิดเห็น:

CUTIE GIRL IN FM กล่าวว่า...

1.คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการจัดการทางการเงิน หลังการแปรรูป ปตท.


- การจัดการทางการเงิน หลัง การแปรรูป ปตท.ดีขึ้น หลังจากการแปรรูป ปตท. ทำให้ ปตท.กลายเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ และ สร้างผลกำไรอย่างมหาศาล กับ ประเทศ รวมทั้งลด หนี้ ที่ก่อให้เกิดผลแย่แก่ประเทศไทย นอกจาก จะมีผลดีแล้ว ผลเสียก็มี คือ การที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า หุ้นที่ไม่ใช่ ของ รัฐบาลจะตกไปอยู่กับมือของ ต่างชาติ หรือไม่ เพราะ การที่ขายหุ้น ของตัวเองต่อ เราไม่สามารถ กำหนดควบคุมธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่แน่นอนได้ วันนึงถ้าเรามีคนที่สามารถ บริหาร ทั้งประเทศ และบริหารทั้งการเงิน ไปด้วยกันได้.. โดยมี ฐานะทางการเงิน มาก และมีคุณธรรมสูง ประเทศชาติอาจจะเจริญรุ่งเรืองไม่ เป็นแบบทุกวันนี้..



5005106002
ชุษณี ตองอ่อน

251utccbx007g10 กล่าวว่า...

1.การแปรรูปจึงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ ปตท.กลายเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ แต่ต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย อาทิ ความยืดหยุ่นในการทำงาน ระบบบริหารงานที่เอื้อต่อการดำเนินงานพนักงานต้องพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถมองการลงทุนในระยะยาวได้ การลงทุนจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง รอบคอบ และมีการศึกษาอย่างดี

นางสาวพัชราภรณ์ ตั้งมนัสสุขุม
เลขทะเบียน 48210375

utccbx007g6 กล่าวว่า...

ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกที่แปรรูปโดยใช้ พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจแก่ฝ่ายบริหารที่จะล้มเลิก พรบ.จัดตั้งรัฐวิสาหกิจได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา บริษัท ปตท.นำหุ้นเข้ากระจายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนตุลาคม 2544 ซึ่งหุ้นของ ปตท.ถูกจองหมดภายในเวลาเพียง 1 นาทีเศษๆ จากราคา IPO ที่ 35 บาท/หุ้น เมื่อเดือนตุลาคม 2544 ปัจจุบันราคาหุ้น ปตท.พุ่งสูงขึ้นถึง 208 บาท/หุ้น หรือ 6 เท่าของราคา IPO
นายธนกฤษ เลิศวรธรรม 48210358

Metrolina Credit Company กล่าวว่า...

2331 Crownpoint Executive Dr. N, Charlotte, NC 28227, EE การกระทำ


                        ## METROLINA CREDIT COMPANY ##

METROLINA CREDIT COMAPANY
เราเป็นผู้ให้กู้ออนไลน์ที่ได้รับอนุญาตซึ่งทำหน้าที่ตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าออนไลน์ด้วยพนักงานที่กำลังบุกเบิกสินเชื่อออนไลน์และมีประสบการณ์ด้านสินเชื่อรวมกันมานับหลายสิบปี METROLINA CREDIT COMPANY ยังคงเป็นผู้บุกเบิกการให้กู้ยืมเงินบนอินเทอร์เน็ตด้วยปรัชญาการให้กู้ยืมที่น่าเชื่อถือปลอดภัยและใช้งานง่าย

เราเป็นพันธมิตรแห่งชาติของผู้ให้กู้จำนองชั้นนำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้ารวมทั้งการซื้อบ้านใหม่การรีไฟแนนซ์และการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในบ้าน Fix and Turn นอกจากนี้เรายังจัดหาเงินทุนสำหรับการรวมบัญชีหนี้สินค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลการซื้อรถยนต์การขยายธุรกิจเป็นต้น

                            ประโยชน์ของเงินทุนของเราประกอบด้วย:

•การอนุมัติอย่างรวดเร็ว @ อัตราดอกเบี้ยต่ำ,
•ระยะเวลาผ่อนผัน 3 เดือน,
•ระยะเวลายืดหยุ่น (สูงสุด 10 ปี),
•ไม่มีการจ่ายค่าปรับล่วงหน้า
•จริงและง่าย,
•รายงานเครดิตไม่จำเป็น

อย่าตอบกลับอีเมลนี้เพื่อดูว่าคุณมีสิทธิ์ได้รับเงินหรือไม่
***********metrolinacreditcompany@gmail.com**********

METROLINA CREDIT COMPANY ได้ให้บริการตลาด Central North Carolina ที่ Charlotte, Concord และ High Point มานานหลายทศวรรษ ธุรกิจการเงินที่จัดตั้งขึ้นในปีพ. ศ. 2523 บริษัท เมโทรไลน่าเครดิตมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการโซลูชั่นด้านสินเชื่ออย่างเหมาะสมโดยไม่คำนึงถึงคะแนนเครดิต เราให้บริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าที่ยืมของเรา เรารู้สึกว่านี่เป็นวิธีเดียวในการทำธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำธุรกิจกับคนที่ซื่อสัตย์ (คุณ!) เนื่องจากเราเติบโตไปทั่วอเมริกาและเหนือกว่าเราจะยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันและกลายเป็นพันธมิตรสินเชื่อท้องถิ่นของคุณ

ติดต่อเราตอนนี้